Pixel คืออะไร
Pixel มาจาคำว่า picture (ภาพ) กับคำว่า Element (พื้นฐาน) คือ หน่วยพื้นฐานซึ่งเล็กที่สุดของภาพดิจิตอล เทียบได้กับจุดสีของภาพ 1 จุด หลากหลายสี หลายๆจุดที่เรียงชิดติดกันถูกรวมกันทำให้เกิดเป็นภาพนั่นเอง แต่ 1 Pixel จะเป็นสีหนึ่งสีใดเพียงสีเดียวเท่านั้นจะมีสีอื่นไม่ได้ เนื่องจากว่าเป็นส่วนที่เล็กที่สุดของการแสดงผลพิกเซลนั้นมีความสำคัญต่อการสร้างกราฟฟิกของคอมพิวเตอร์มาก เพราะทุกๆส่วนของกราฟฟิก เช่น จุด เส้น แบบลายและสีของภาพ ล้วนเกิดจากพิกเซลทั้งสิ้น อย่างกล้องถ่ายรูปความละเอียด 5 ล้านพิกเซล นั้นหมายความว่าเมื่อถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุด (ที่กล้องสามารถจะถ่ายได้) จะได้เม็ด Pixel 5 ล้านเม็ด ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ง่ายๆว่า ยิ่งมีค่าพิกเซลสูงเท่าไหร่ภาพที่ได้ยิ่งมีความละเอียดสูงด้วย
นอกเหนือจากหน่วยของการแสดงที่เป็น Pixel ยังมีคำว่า bpp ย่อมาจากคำว่า bits per pixel คือค่าของจำนวนสีที่สามารถแสดงได้ในหนึ่งพิกเซล ดังที่บอกไปในข้างต้นว่า 1 Pixel จะสามารถแสดงผลแสดงผลได้เพียงสีเดียวเท่านั่น ดั่งนั่นค่า bpp จะเป็นตัวบอกว่าใน 1 Pixel จะสามารถเปลี่ยนสีได้กี่สี (รูปคงไม่สวยแน่ถ้ามี Pixel หลายอันมาเรียงต่อกันแล้วทุกพิกเซลเป็นสีเดียวกัน) อาจเรียกว่า บิต (Bit ) เฉยๆก็ได้
การออกแบบ
หมายถึงอะไรนั้น ขอยกตัวอย่างคนที่เคยคิดและเขียนบอกเอาไว้แล้วเช่น โกฟ (Gove, 1965::165) เค้าบอกไว้ว่า การออกแบบเป็นการจัดแต่งองค์ประกอบมูลฐานในการสร้างงานศิลปกรรม เครื่องจักร หรือประดิษฐกรรมของมนุษย์
การออกแบบจะทำให้ เราสามารถถ่ายทอดรูปแบบจากความคิดออกมาเป็นผลงาน ที่ผู้อื่น สามารถมองเห็น รับรู้ หรือสัมผัสได้ เพื่อให้มีความเข้าใจในผลงานร่วมกัน
ความสำคัญของการออกแบบ เช่น
- ในแง่ของการวางแผนการการทำงาน งานออกแบบจะช่วยให้การทำงานเป็นไปตาม ขั้นตอน อย่างเหมาะสม และประหยัดเวลา ดังนั้นอาจถือว่าการออกแบบ คือ การวาง แผนการทำงานก็ได้
- ในแง่ของการนำเสนอผลงาน ผลงานออกแบบจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องมีความเข้าใจ ตรงกันอย่างชัดเจน ดังนั้น ความสำคัญในด้านนี้ คือ เป็นสื่อความหมายเพื่อความเข้าใจ ระหว่างกัน
- เป็นสิ่งที่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงาน งานบางประเภทอาจมีรายละเอียดมากมาย ซับซ้อน ผลงานออกแบบจะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้อง และผู้พบเห็นมีความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น หรืออาจกล่าวได้ว่า ผลงานออกแบบ คือ ตัวแทนความคิดของผูออกแบบได้ทั้งหมด
- แบบ จะมีความสำคัญอย่างที่สุด ในกรณีที่ นักออกแบบกับผู้สร้างงานหรือผู้ผลิต เป็นคนละคนกัน เช่น สถาปนิกกับช่างก่อสร้าง นักออกแบบกับผู้ผลิตในโรงงาน หรือถ้าจะเปรียบไปแล้ว นักออกแบบก็เหมือนกับคนเขียนบทละครนั่นเอง
แบบ เป็นผลงานจากการออกแบบ เป็นสิ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และฝีมือของ นักออกแบบ แบบมีอยู่หลายลักษณะ ดังนี้ คือ
1. เป็นภาพวาดลายเส้น (drawing) ภาพระบายสี (Painting) ภาพถ่าย (Pictures) หรือแบบร่าง (Sketch) แบบที่มีรายละเอียด (Draft) เช่น แบบก่อสร้าง ภาพพิมพ์ (Printing) ฯลฯ ภาพต่าง ๆ ใช้แสดงรูปลักษณะของงาน หรือแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับงาน ที่เป็น 2 มิติ
2. เป็นแบบจำลอง (Model) หรือของจริง เป็นแบบอีกประเภทหนึ่งที่ใช้แสดง รายละเอียดของงานได้ชัดเจนกว่าภาพต่าง ๆ เนื่องจากมีลักษณะเป็น 3 มิติ ทำให้ สามารถเข้าใจในผลงานได้ดีกว่า นอกจากนี้ แบบจำลองบางประเภทยังใช้งานได้ เหมือนของจริงอีกด้วยจึงสมารถใช้ในการทดลอง และทดสอบการทำงาน เพื่อหา ข้อบกพร่องได้
ประเภทของการออกแบบ
1. การออกแบบทางสถาปัตยกรรม (Architecture Design)
เป็นการออกแบบเพื่อ การก่อสร้าง สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ นักออกแบบสาขานี้ เรียกว่า สถาปนิก (Architect) ซึ่ง โดยทั่วไปจะต้องทำงานร่วมกับ วิศวกรและมัณฑนากร โดยสถาปนิก รับผิดชอบเกี่ยว กับประโยชน์ใช้สอยและความงามของสิ่งก่อสร้าง งานทางสถาปัยตกรรมได้แก่
- สถาปัตยกรรมทั่วไป เป็นการออกแบบสิ่งก่อสร้างทั่วไป เช่น อาคาร บ้านเรือน ร้านค้า โบสถ์ วิหาร ฯลฯ
- สถาปัตยกรรมโครงสร้าง เป็นการออกแบบเฉพาะโครงสร้างหลักของอาคาร
- สถาปัตยกรรมภายใน เป็นการออกแบบที่ต่อเนื่องจากงานโครงสร้าง ที่เป็นส่วนประกอบของอาคาร
- งานออกแบบภูมิทัศน์ เป็นการออกแบบที่มีบริเวณกว้างขวาง เป็นการจัดบริเวณพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม
- งานออกแบบผังเมือง เป็นการออกแบบที่มีขนาดใหญ่ และมีองค์ประกอบซับซ้อน ซึ่งประกอบ ไปด้วยกลุ่มอาคารจำนวนมาก ระบบภูมิทัศน์ ระบบสาธารณูปโภค ฯลฯ
2. การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)
เป็นการออกแบบเพื่อการผลิต ผลิตภัณฑ์ ชนิดต่าง ๆงานออกแบบสาขานี้ มีขอบเขตกว้างขวางมากที่สุด และแบ่งออกได้มากมาย หลาย ๆ ลักษณะ นักออกแบบรับผิดชอบเกี่ยวกับประโยชน์ใช้สอยและความสวยงามของ ผลิตภัณฑ์ งานออกแบบประเภทนี้ได้แก่
- งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์
- งานออกแบบครุภัณฑ์
- งานออกแบบเครื่องสุขภัณฑ์
- งานออกแบบเครื่องใช้สอยต่างๆ
- งานออกแบบเครื่องประดับ อัญมณี
- งานออกแบบเครื่องแต่งกาย
- งานออกแบบภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์
- งานออกแบบผลิตเครื่องมือต่าง ๆ ฯลฯ
3. การออกแบบทางวิศวกรรม (Engineering Design)
เป็นการออกแบบเพื่อการผลิต ผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ เช่นเดียวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน ต้องใช้ ความรู้ความสามารถและเทคโนโลยีในการผลิตสูง ผู้ออกแบบคือ วิศวกร ซึ่งจะรับผิดชอบ ในเรื่องของประโยชน์ใช้สอย ความปลอดภัยและ กรรมวิธีในการผลิต บางอย่างต้องทำงาน ร่วมกันกับนักออกแบบสาขาต่าง ๆ ด้วย งานอกแบบประเภทนี้ได้แก่
- งานออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้า
- งานออกแบบเครื่องยนต์
- งานออกแบบเครื่องจักรกล
- งานออกแบบเครื่องมือสื่อสาร
- งานออกแบบอุปกณ์อิเลคทรอนิคส์ต่าง ๆ ฯลฯ
4. การออกแบบตกแต่ง (Decorative Design)
เป็นการออกแบบเพื่อการตกแต่งสิ่งต่าง ๆ ให้สวยงามและเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น นักออกแบบเรียนว่า มัณฑนากร (Decorator) ซึ่งมักทำงานร่วมกับสถาปนิก งานออกแบบประเภทนี้ได้แก่
- งานตกแต่งภายใน (Interior Design)
- งานตกแต่งภายนอก (Exterior Design)
- งานจัดสวนและบริเวณ ( Landscape Design)
- งานตกแต่งมุมแสดงสินค้า (Display)
- การจัดนิทรรศการ (Exhibition)
- การจัดบอร์ด
- การตกแต่งบนผิวหน้าของสิ่งต่าง ๆ เป็นต้น ฯลฯ
5. การออกแบบสิ่งพิมพ์ (Graphic Design)
เป็นการออกแบบเพื่อทางผลิตงานสิ่งพิมพ์ ชนิดต่าง ๆ ได้แก่ หนังสือ หนังสือพิมพ์ โปสเตอร์ นามบัตร บัตรต่าง ๆ งานพิมพ์ลวดลายผ้า งานพิมพ์ภาพลงบนสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ งานออกแบบรูปสัญลักษณ์ เครื่องหมายการค้า ฯลฯ
การ design ก็จำเป็นนะครับที่ต้องใช้โปรแกรม เช่น โปรแกรม photoshop
แนวคิดของ flat design ก็คือ การออกแบบทุกอย่างให้ดูแบนราบ โดยจะลดการใช้อะไรก็ตาม ที่จะทำให้ดูมีมิติออกไป ไม่ว่าจะเป็น การให้แสงและเงา การใส่พื้นผิวให้กับวัตถุ การไล่สี รวมไปถึงสิ่งอื่นๆ ที่จะทำให้วัตถุนั้นลอยออกมา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า flat design ต้องการให้ users โฟกัสไปที่ตัว content จริงๆ มากกว่าที่จะไปสนใจสิ่งอื่นๆ ความท้าทายของการใช้ flat design ก็คือ เราจะออกแบบอย่างไร ให้ users ยังคงรู้ว่า element นี้มีไว้ทำอะไร ทั้งๆ ที่มันดูแบนราบไปแล้ว
Elements ต่างๆ ใน Flat Design จะดูแบนราบ ไม่ลอยออกมาเหมือน Skeuomorphism สีสันสดใส flat design จะใช้สีที่หลากหลายมากขึ้น ปกติเราอาจจะใช้สีเพียงแค่ 2 – 3 สี แต่ flat design อาจใช้ได้มากถึง 6 – 8 สีเลยทีเดียว โดยสีที่นิยมเลือกมาใช้นั้น มักจะเป็นสีที่สดใส หรือ ฉูดฉาด เนื่องจากการทำให้ทุกอย่างดูแบนราบ อาจทำให้ users จดจำและแยกแยะออกได้ลำบากว่า elements ต่างๆ มีไว้ทำอะไร เราเลยจำเป็นต้องใช้สีเข้ามาช่วย typography หรือการใช้ตัวหนังสือ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ flat design การเลือกใช้ typeface จะต้องสื่อถึงอารมณ์ของเว็บหรือแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ สนุกสนาน ตื่นเต้น ลึกลับ หรือทางการ typeface ที่ใช้จะต้องสะท้อนความรู้สึกนั้นออกมาได้ นอกจากนี้ การเลือกใช้คำจะต้องกระชับ ตรงประเด็น เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่าย อย่าลืมว่า elements ต่างๆ นั้นดูแบนราบไปแล้ว เท่ากับว่ามันจะช่วย “ส่งเสริม” ให้ typography ของเราเด่นมากขึ้น
Elements ต่างๆ ใน Flat Design จะดูแบนราบ ไม่ลอยออกมาเหมือน Skeuomorphism สีสันสดใส flat design จะใช้สีที่หลากหลายมากขึ้น ปกติเราอาจจะใช้สีเพียงแค่ 2 – 3 สี แต่ flat design อาจใช้ได้มากถึง 6 – 8 สีเลยทีเดียว โดยสีที่นิยมเลือกมาใช้นั้น มักจะเป็นสีที่สดใส หรือ ฉูดฉาด เนื่องจากการทำให้ทุกอย่างดูแบนราบ อาจทำให้ users จดจำและแยกแยะออกได้ลำบากว่า elements ต่างๆ มีไว้ทำอะไร เราเลยจำเป็นต้องใช้สีเข้ามาช่วย typography หรือการใช้ตัวหนังสือ กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ flat design การเลือกใช้ typeface จะต้องสื่อถึงอารมณ์ของเว็บหรือแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ สนุกสนาน ตื่นเต้น ลึกลับ หรือทางการ typeface ที่ใช้จะต้องสะท้อนความรู้สึกนั้นออกมาได้ นอกจากนี้ การเลือกใช้คำจะต้องกระชับ ตรงประเด็น เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่าย อย่าลืมว่า elements ต่างๆ นั้นดูแบนราบไปแล้ว เท่ากับว่ามันจะช่วย “ส่งเสริม” ให้ typography ของเราเด่นมากขึ้น
เหตุผลที่ควรซื้อ Adobe Photoshop CC
ฟีเจอร์ใหม่ของ Photoshop CC ได้แก่ บางฟีเจอร์มีวิดีโอเดโมท้ายข่าว เวอร์ชันใหม่ช่วยเน้นให้ภาพคมชัดและลดลงกว่าเดิม รักษารายละเอียดและความคมชัดเมื่อขยายขนาดภาพสำหรับพิมพ์โดยบริเวณขอบของวัตถุจะรักษารายละเอียดเอาไว้คงเดิมส่วนจากการขยายภาพก็ลดลง ช่วยลดปัญหาภาพเบลอจากกล้องสั่นหรือความเร็วชัตเตอร์ช้าเกินไปโดยฟีเจอร์นี้จะวิเคราะห์สาเหตุของความเบลอและปรับให้ชัดคืน เป็นฟีเจอร์ที่ถูกร้องขอมากที่สุดอย่างหนึ่งตอนนี้วัตถุที่เป็นสี่เหลี่ยมขอบมนสามารถแก้ไขได้ตลอดเวลาแล้วAdobe Camera Raw 8สามารถใช้เป็นฟิลเตอร์ได้ด้วยใช้ได้กับเลเยอร์และวิดีโอ
วิดีโอแนะนำ Photoshop CC ในภาพรวม
All-new Smart Sharpen
Camera Shake Reduction
Adobe Camera Raw 8
ประวัติและความเป็นมาของโปรแกรม Adobe Photoshop
Adobe Photoshop
Adobe Photoshop
Adobe Photoshop โปรแกรมสร้าง และแก้ไขรูปภาพ อย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะนักออกแบบในทุกวงการย่อมรู้จักโปรแกรมตัวนี้ดี โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมที่มีเครื่องมือมากมายเพื่อสนับสนุนการสร้างงานประเภทสิ่งพิมพ์ งานวิดีทัศน์ งานนำเสนอ งานมัลติมีเดีย ตลอดจนงานออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ในชุดโปรแกรม Adobe Photoshop การที่จะใช้งานโปรแกรม Photoshop คุณต้องมีเครื่องที่มีความสามารถสูงพอควร มีความเร็วในการประมวลผล และมีหน่วยความจำที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการสร้างงานของคุณคงไม่สนุกแน่ เพราะการทำงานจะช้าและมีปัญหา ตามมามากมาย ขณะนี้โปรแกรม Photoshop ได้พัฒนามาถึงรุ่น Adobe Photoshop CS5 พร้อมกับเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้อย่างมากมาย
คุณลักษณะที่สำคัญ
หน้าตาใหม่หมดจด ในเกือบทุกครั้งที่ Adobe มีการอัพเกรดโปรแกรมของตน สิ่งที่ยืนยันได้ถึงเวอร์ชั่นที่เปลี่ยนไปของมันก็คือ User Interface หรือหน้าตาของตัว โปรแกรม ที่ต้องมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง อย่างที่ผมบอก และในเวอร์ชั่นนี้ ก็มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปค่อนข้างมากเหมือนกัน แต่คุณสามารถเปลี่ยนมาใช้แบบสองแถวที่คุ้นเคยได้ โดยการคลิ๊กที่เมนูด้านบน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป มากที่สุด ก็น่าจะเป็น Palette ซึ่งอยู่ทางเมนูด้านขวามือ คุณสามารถยืด หด พับเก็บมันไว้ได้ดั่งใจ หรือสามารถใช้แบบลอยๆ เหมือนเวอร์ชั่นเก่าก็ยังได้ แต่ฟีเจอร์ที่ผมชอบที่สุดก็เห็นจะเป็น Maximize Screen Mode ซึ่งสามารถ ที่จะปรับได้โดยอัตโนมัติเมื่อยืดและหดพาเล็ต
การปรับปรุงครั้งใหญ่ของ Camera Raw Camera Raw นั้นคือฟีเจอร์ในการตกแต่งภาพจากกล้องดิจิตอล ที่ยังคงรักษาคุณภาพของภาพไว้ 100% โปรแกรม เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ก็เคยทำได้ แต่ในเวอร์ชั่นใหม่ทำได้ดีกว่ามาก และฟังก์ชั่นที่ดีกว่าเดิมมากอย่าง Fill Light Slider (เช่นเดียวกับ Shadow Slider) และ Vibrance Slider ซึ่งเป็นตัวเพิ่มความเข้มของภาพ โดยไม่กระทบ ต่อไฟล์ต้นฉบับ
Quick Selection Tool แน่นอนครับ นี่เป็นเครื่องมือการเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักมา มันใช้งานง่ายมาก และดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยังทำงานได้เป็นอย่าง ดีด้วยสิ อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเครื่องมือนี้จะดีแค่ไหน แต่สำหรับความคิดเห็นของผมแล้ว ฟีเจอร์ที่ค่อนข้างเด่นของมันก็คือ Refine Edge floating palette ที่จะให้คุณควบคุมการเลือกได้ในทุกสถานการณ์ ไม่เพียงเครื่องมือนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือการเลือกทั้งหมดของ CS5 คุณจะประหลาดใจว่า การ Selection ใน นั้นทำได้ง่ายดายกว่าที่เคย
เครื่องมือในการจัดการ Black and White ไม่เพียงเครื่องมือในการเปลี่ยนภาพของคุณให้เป็นโทนขาวดำ ที่ดีขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น แต่คุณยังสามารถที่จะโลดแล่น จินตนาการของคุณผ่านทางผืนผ้าใบดิจิตอลนี้ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น โดยใช้ Slider เพื่อปรับแต่งภาพสีขาวดำของคุณ โดยปรับแต่งได้ชนิดเลเยอร์ต่อเลเยอร์เลยทีเดียวครับ นี่แหละที่เขาบอกว่า ชีวิตจะดีขึ้น
Auto Align และ Auto Blendลองนึกถึงการทำภาพพาโนรามาแบบง่ายๆดูสิครับ ซึ่งองค์ประกอบพื้นฐานของมันก็มาจากการจัดเรียงภาพนี่แหละ การเบล็นภาพ และสี ในเวอร์ชั่นนี้ทำได้อย่างไร้ที่ติ Auto Align จะช่วยคุณจัดเรียงภาพของคุณกับภาพที่ใกล้เคียงให้โดยอัตโนมัติ และ Auto Blend ก็จะจัดการเบล็นสีให้คุณโดยอัตโนมัติเช่นกัน เครื่องมือนี้ หากคุณได้ลองใช้ ก็จะเห็นว่ามัน อัศจรรย์มากแค่ไหน
Bridge ที่พัฒนาใหม่น่าใช้มากยิ่งขึ้น ในเวอร์ขั่นนี้ได้ทำการพัฒนา Bridge ให้แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ปกติเวลาผมใช้โปรแกรม Photoshop ผมมักไม่ค่อยได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้สักเท่าไรนัก ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะว่ามันกินกำลังเครื่องมหาศาลเลยทีเดียว
Smart Filter ด้วยฟังก์ชั่นนี้ คุณจะสามารถใส่ฟิลเตอร์หลายๆตัวให้กับรูปๆเดียวของคุณได้อย่างง่ายดาย เรียกว่าง่ายกว่าแต่ก่อนมากก็ได้นะครับ ซึ่งการทำงานสไตล์ เลเยอร์ของมันนั้นก็แสนอัจฉริยะ เมกเซ้นจ์กว่าเดิมด้วย การทำงานของคุณก็รวดเร็วขึ้นอย่างแน่นอน
ABOUT ME
I could look back at my life and get a good story out of it. It's a picture of somebody trying to figure things out.
POPULAR POSTS
Categories
blog
49
graphic
26
photoshop
24
Game
15
microsoft
13
Windows
12
sketch
12
draw
11
photo
10
photography
10
Digital-art
9
Microsoft Office
9
design
9
photograph
8
ro
6
Excel
5
new
5
slider
5
Trip
4
ragnarok online
4
การ์ตูน
4
IRO
3
VDO
3
program
3
travel
3
Shutterstock
2
Sticker line
2
Word
2
art
2
procreate
2
vector
2
เรื่องเล่า
2
Affinity photo
1
DOTA2
1
PDF
1
QGIS
1
illustrator
1
lightroom
1
mac
1